add sense

วันศุกร์ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2556

สิ่งที่ได้เรียนรู้จากการไปภูกระดึง


คติชีวิตที่คิดได้ระหว่างขึ้นภูกระดึง

"การเดินขึ้นภูกระดึง ควรเดินช้าๆ อย่างมั่นคง ทุกย่างก้าวมีความหมาย"

"เมื่อเจอทางเดินหลายทาง จงเลือกทางที่เหมาะสมกับเรา อย่าเดินตามคนอื่น"

"ไม้เท้าเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญมาก ควรหาติดตัวไปตั้งแต่ทางขึ้น เพราะมันจะพยุงเราไปตลอดทางตั้งแต่เดินขึ้นจนเดินลงมาที่เดิม"

"การเตรียมตัวขึ้นภูนั้นสำคัญมาก ถ้าเตรียมตัวมาดีย่อมดีกว่าเสมอ"

"ความอดทนเป็นสิ่งสำคัญ"

ทั้งหมดก็คล้ายคลึงกับการใช้ชีวิตคน เราควรก้าวเดินชีวิตช้าๆ อย่างมั่นคง ไม่รีบร้อน เมื่อเจอสิ่งที่ต้องตัดสินใจ ให้เลือกสิ่งที่เหมาะสมกับเรามากที่สุด ไม่เลือกตามคนอื่น หรือเพราะผู้อื่นจูงใจ ชีวิตควรมีเพื่อนคู่คิด ที่จะคอยพยุงจิตใจหรือร่างกายของเราให้สามารถใช้ชีวิตต่อไปได้ในทุกๆวัน การเตรียมตัวสำหรับทุกอย่างนั้นสำคัญมาก และสุดท้ายความอดทน อันนี้คงไม่ต้องอธิบายอะไรมาก เพราะในชีวิตก็มีหลายๆ เรื่องที่เราต้องอดทนในทุกๆวัน


_____________________________________________________________

สิ่งของเตรียมตัวขึ้นภูกระดึง

ก่อนไปอย่างแรกที่ทำก็คือ อ่านประสบการณ์เพื่อนพี่น้องที่ไปมาว่าเป็นยังไงบ้าง อะไรจำเป็นบ้าง
สรุปเป็นรายการสิ่งของของตัวเองได้ดังนี้ค่ะ


อันนี้เป็น Text สำหรับใครจะ Copy ไปใส่ Excel นะ
ลำดับ ของ
เสื้อผ้าข้าวของเครื่องใช้
1 เสื้อผ้ากลางวัน
2 ชุดนอนหนาๆ
3 ชั้นใน
4 แปรงสีฟัน, ยาสีฟัน
5 สบู่, โฟมล้างหน้า, ยาสระผม, ครีมนวดผม
6 แป้งฝุ่นทาตัว
7 วาสลีนทาตัว ทาหน้า
8 เครื่องสำอาง ครีมกันแดด แป้งเด็ก, บรัชออน
9 เสื้อหนาว, ถุงมือ, หมวกกันหนาว, ผ้าพันคอ
10 แว่นกันแดด, ร่ม
11 หมวกกันแดด
12 ผ้าเช็ดตัว, ผ้าที่เอาไว้เช็ดตัวเวลาอาบน้ำไม่ไหว
13 ถุงเท้าหนา
14 รองเท้าพละ
15 รองเท้าแตะใส่อาบน้ำ
ยารักษาโรค
1 ยาคุม
2 ยาพาราเซ็ต, 
3 ยาแก้ปวดมาก iburofen, ยาแก้ปวดเข่า
4 ยาคลายกล้ามเนื้อ
5 พลาสเตอร์ยาตราเสือ
6 ยาดม, หม่อง
7 ยาทาแผลสด พลาสเตอร์ปิดแผลสด
8 ยาแก้แพ้แมลงสัตว์กัดต่อย
9 ยาแก้แพ้ทั้งแบบง่วงและไม่ง่วง
10 ยาแก้ท้องเสีย
11 ยานวดเคาร์เตอร์เพน
12 เสปรย์กันยุง
13 ครีมแก้คัน, ครีมผิวแตก
อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
1 มือถือ
2 ที่ชาร์ตแบตมือถือ
3 กล้องถ่ายรูป
4 ที่ชาร์ตกล้องถ่ายรูป
อุปกรณ์กางเต้นท์
1 เชือกเยอะๆ เผื่อผูกตากผ้าด้วย
2 ไฟฉาย
3 ไฟแช็ค
4 เต้น
5 พลาสติกรองเต้น+คลุมเต้น
6 กุญแจล็อกเต้น
7 ตะขอไว้แขวนของเวลาอาบน้ำ
ของใช้อื่นๆ
1 ทิชชู่ม้วน
2 ขวดน้ำเปล่า
3 กระเป๋าใบใหญ่ๆ
4 กระเป๋าติดตัว
5 ถุงขยะ

พอกลับลงมาก็พบว่าหอบขึ้นไปเยอะเกิน เพราะบางอย่างข้างบนก็มีขาย เราหอบขึ้นไปถ้าไม่ได้ใช้ก็เสียค่าน้ำหนักให้ลูกหาบทั้งขึ้นและลง ตัวอย่างของที่หอบขึ้นไปแล้วไม่ได้ใช้ เช่น

  • ถ่านไฟฉาย อ่านรีวิวหลายๆ คนบอกว่าต้องเอาไป เราก็บ้าเอาไป 12 ก้อน สรุปถ่านไม่หมดเลย
  • ถุงขยะ เพราะเราซื้อของร้านไหนเค้าก็ให้ถุงมาอีก ถุงที่พับขึ้นไปเลยแทบไม่ได้ใช้ค่ะ 
  • เชือกเยอะๆ กะว่าจะผูกเต้นกะต้นไม้หรือเสาข้างนอกตากผ้า สรุปคือ น้ำค้างเยอะมาก ตากไม่ได้
  • เสปรย์กันยุง ไม่ได้ใช้เลย เพราะหนาวมากจนเครื่องแต่งกายคลุมทุกส่วน และหนาหลายชั้น
  • ร่ม ไม่ได้ใช้เช่นกัน เพราะถ้าแดดออกก็ใช้แค่แว่นกันแดดกับหมวกก็อยู่แล้ว
  • ผ้าที่เอาไว้เช็ดตัวเวลาอาบน้ำไม่ไหว ไม่ได้ใช้เพราะไม่ได้อาบน้ำ และเอาตัวแตะน้ำเลย

บางท่านอาจจะอ่านแล้วถามว่า ถุงกันทาก กับที่โรยกันทากรอบเต้นละ ลืมบอกไปว่าไปมาตอนหน้าหนาวมาก อุณหภูมิต่ำสุด 2 องศา เฉลี่ยทั้งวันก็ 12-15 ประมาณเนี่ยค่ะ หนาวจนไม่มียุง ไม่มีทาก แทบไม่เห็นแมลงซักตัว เจอแต่มดดำตัวยักษ์ผู้อดทนต่อความหนาว 
_____________________________________________________________

การผจญความหนาวเหน็บครั้งแรกในชีวิตบนภูกระดึง

ก่อนไปก็ได้ตรวจสอบพยากรณ์อากาศก่อน เค้าบอกว่าจะต่ำสุดประมาณ 10-15 องศา ก็คิดว่าคงอยู่ได้ แต่พอไปจริง ต่ำสุด 2 องศา 4 องศา ไม่อยากจะเชื่อว่าผ่านช่วงเวลานั้นมาได้ จากที่ตั้งใจว่าจะอาบน้ำทุกวัน กลายเป็นไม่ได้อาบน้ำเลย 3 วัน นี่เรื่องจริงค่ะ อาบแต่ขึ้นไปถึงรอบเดียวเท่านั้น นอกนั้นแตะน้ำเฉพาะล้างหน้า ล้างส่วนนั้น ล้างเท้า กับแปรงฟันเท่านั้นเลย

กลางคืนนอนหนาวขนาดนอนหลับๆ ตื่นๆ ตลอด และได้ยินเสียงน้ำหยดติ้งๆ ตลอดเป็นน้ำที่หยดจากต้นไม้ลงมาที่เต้น ไม่เคยเห็นน้ำค้างเป็นหยดๆ เพิ่งเจอจริงๆ ครั้งแรกเลย

ถ้าใครเป็นภูมิแพ้อากาศ ซึ่งเราเป็น ยาแก้แพ้อะไรกินเข้าไปให้หมด เอาไม่อยู่ซักอย่าง กลางคืนจมูกไม่โล่งเลย เพราะหนาวมาก จนต้องหายใจด้วยปากตลอดจนหลับ

แล้วถ้าอากาศหนาวเราจะกินเยอะ อันนี้คนอื่นไม่รู้เป็นรึเปล่านะ แต่เราเป็น เดินขึ้นภู ลงภู ต้องซื้อของกินทุกซำ เดินไปดูพระอาทิตย์ขึ้น แทบอยากจะแกะห่อข้าวกินตั้งแต่กลางทางเดิน พอไปถึงผารอพระอาทิตย์ขึ้น อย่างแรกที่ทำคือแกะของกิน เพราะหิวมาก ระหว่างทางเดินเที่ยวต้องมีของกินตลอดไม่งั้นไม่มีแรงค่ะ ทางเดินกลับผาหล่มสักมืดๆ ไกลๆ เราซื้อมันเผา 2 หัวกัดกินตลอดทางเดิน 9 กม ทั้งๆที่กินข้าวแล้วด้วย แล้วก็มีวันนึงเดินไปชมน้ำตกพลาดเองไม่ได้เอาของกินไปเลย เพราะกินข้าวเช้าเยอะมาก หิวตั้งแต่น้ำตกแรก จนน้ำตกสุดท้าย แทบจะคลานกลับด้วยความหิวเลย

_____________________________________________________________

การแต่งกายผจญภูกระดึง

  • การแต่งตัวขึ้นภูกระดึง อ่านประสบการณ์คนอื่นบอกว่าต้องใส่ขาสั้นเท่านั้น ทะมัดทะแมง เสื้อสบายๆ เพราะเดี๋ยวจะเปียกเหงื่อทั้งตัว ความเป็นจริงที่เจอ เนื่องจากอากาศหนาวมาก และเราเดินช้ามาก เหงื่อออกจริงๆแค่ช่วงสุดท้ายก่อนถึงบนภูเท่านั้นที่มีความชันมาก ก่อนหน้านั้นหนาวเหน็บตลอด เราเอาขาสั้นใส่เป้ไปกะเปลี่ยนกลางทางรอเหงื่อออก แต่ไม่ออกเลย 
  • ชุดเดินเที่ยวภูกระดึง ที่ดูจากรูปเพื่อนๆ ก็วางแผนไว้ว่าเอาถ่ายรูปสวยๆ ใส่เล้กกิ้ง กระโปรงสั้น เกาหลีน่ารัก สรุปหนาวมากไม่ไหว ต้องกางเกงขายาวเท่านั้น แล้วเราเอากางเกงขายาวไปตัวเดียวสรุปใส่ตัวนั้นทุกวันค่ะ 
  • ชุดกินข้าวกลางคืนบนภูกระดึง ต้องใส่เสื้อธรรมดา 2 ชั้น เสื้อหนาวอีก 2 ชั้น ถุงเท้า 2 ชั้น กางเกงเล้กกิ้ง กับกางเกงนอนหนา ขนาดถุงมือยังใส่ 2 ชั้น ชัั้นแรกใส่แบบเปิดนิ้ว อีกชั้นใส่ถุงมือปิดหมด ถึงไปนั่งกินข้าวกลางลมหนาวอยู่ค่ะ เพราะร้านข้าวทั้งหมดเป็นแบบโต๊ะนั่งด้านหน้าร้าน มีที่กันฝน แต่ไม่กันลมเลย นั่งกินข้าวไปลมพัดตลอดค่ะ ไอน้ำออกปากตลอดเวลา เราเล่นพ่นไอน้ำสนุกสนานเลยค่ะ 
  • ชุดนอน ก็คล้ายๆ ชุดกินข้าวกลางคืนค่ะ เน้นหนาเข้าไว้ไม่ต้องกลัวอึดอัด เพราะจะนอนไม่หลับเอาค่ะ
_____________________________________________________________

สิ่งที่คิดผิดไปในการขึ้นภูกระดึง

  • เอาเต้นไปเอง เอาถุงนอนไปเอง ก็ไม่อยากจะบอกว่าไม่เคยเช่าอะไรของอุทยานใช้เลย กลัวว่าไม่ดีนู้นนี่ แต่พอไปจริงถุงนอนเราเอาไม่อยู่ค่ะ ต้องไปเช่นถุงนอนอุทยาน และปรากฎว่าถุงนอนอุทยานอุ่นมากน่าตกใจ ใส่ 2 ชั้นกับถุงนอนเราถึงหลับได้ค่ะ แล้วการกางเต้นในวันแรก และเก็บเต้นในวันสุดท้ายในสถานที่ ที่ลมหนาวพัดตลอดมันช่างเป็นเรื่องที่ทรมานเหลือเกิน ลมแรงขนาด กางเต้นไว้ไม่ตอก เต้นปลิวไปหลายเมตรเลย จนตั้งใจเลยว่าถ้าไปเที่ยวไหนอีก ถ้าพยากรณ์อากาศบอกว่าจะอุณหภูมิต่ำกว่า 15 องศา ต้องจองบ้านพักให้ได้ หรือนอนเต้นอุทยานไปเลยค่ะ
  • ไม่เช่าผ้าปูรองนอนในคืนแรก ก็เคยนอนเต้นแข็งๆที่อื่นก็หลับนะค่ะ แต่ว่าเนื่องจากอากาศหนาวและปวดตัวจากการเดินขึ้น มาเจอพื้นแข็งๆ อีกนอนแทบไม่หลับค่ะ เช้ามาเดินไปเช่าผ้าปูรองนอนก่อนเลย
  • ไม่พิมพ์ (Print) แผนที่ภูไป เนื่องจากอ่านประสบการณ์ท่านอื่นเค้าบอกว่ามีแผนที่ และโปรแกรมเที่ยวแจก ว่า 2 วันไปไหน 3 วันไปไหน ขึ้นไปปรากฎว่าไม่มีค่ะ ไม่มีเลยโปรแกรมเที่ยวก็ไม่มี แผนที่แจกฟรีก็ไม่มี มีแต่ขายในราคา 10 บาทได้แค่แผนที่ภูคร่าวๆ เท่านั้น แล้วอย่าคิดว่าจะเปิดแผนที่ในมือถือตลอดได้นะคะ เพราะเราพยายามทำอย่างนั้นแล้วเปิดแผนที่ดูตลอดแบตหมดก่อนเดินถึงผาหล่มสักอีกค่ะ ต้องเป็นกระดาษถือได้เท่านั้นค่ะ สำหรับเราต้องไปแบบไม่มีแผนที่ เนื่องจากลืมพิมพ์แผนที่ไป ลืมจริงๆ วันสุดท้ายก่อนลางาน งานยุ่งมาก ทั้งๆที่ เตรียมใส่ไฟล์ไว้เรียบร้อย แล้วขึ้นไปซื้อแแผนที่ 10 บาทก็ทำหล่นน้ำตั้งแต่เช้าที่ออกเดินเที่ยวเลย ทำให้ต้องดูป้ายบอกทางตลอดค่ะ 
จริงๆก็ถ่ายแผนที่ด้านล่างทางขึ้นไปนะคะ แต่พอถ่ายรูปไปเยอะๆ แล้วกว่าจะเลื่อนกลับมาถึงมันยากมาก




_____________________________________________________________

ค่าใช้จ่ายที่ใช้ไปในการขึ้นภูกระดึง

กินแบบประหยัดทั้งๆที่หิวนะค่ะ 2 คนประมาณ 3500 ไม่เกินนี้ค่ะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเอาเงินสดไปอย่างน้อยคนละ 3000 เพื่อความปลอดภัยค่ะ เรากลัวมาก กลัวอดตายเอาไป 10000 โชคดีไม่หมด เพราะกินเยอะอย่างประหยัดค่ะ เคล็ดลับการประหยัดค่าใช้จ่ายของกินบนภูกระดึงดังนี้ค่ะ

  • ถ้าอยากกินน้ำหวาน ให้ไปซื้อลูกอมแทนค่ะ เพราะโค้กขวดเล็กข้างบนขวดละ 30 ค่ะ ลูกอมห่อละ 10 บาทให้ความหวานได้นานกว่า แล้วกินน้ำเปล่าค่ะ
  • ร้านข้าวตามผาต่างๆ ให้เยอะกว่าที่ศูนย์ที่เรากางเต้นท์ ให้ไปกินที่นั่น โดยเฉพาะร้านข้าวผาหล่มสัก เยอะขนาดกินได้ 2 คนอิ่มเลยค่ะ
  • การกินมันเผากับข้าวเหนียวห่อ ไม่แน่ใจว่าเรียกว่าอะไร ที่เป็นข้าวเหนียวห่อไส้มัน ไส้กล้วย ให้ความอิ่มดีมากค่ะ
  • ไข่กะทะไม่อิ่ม กินข้าวเป็นจานคุ้มกว่า
จริงๆ เราก็วางแผนค่าใช้จ่ายก่อน ดังนี้ค่ะ เรารวมตั้งแต่เราเดินทางขึ้นรถทัวร์ออกจากกทมไปขึ้นรถเพื่อนที่โคราช และค้างคืนที่ชุมแพจะได้ไม่เหนื่อยตอนเช้าเดินขึ้นภูกระดึง





_____________________________________________________________

ทางเดินขึ้นภู

บอกตามตรงเลยว่าก่อนจะขึ้นภูก็หาข้อมูลแล้ว เตรียมตัวเตรียมใจแล้ว แต่....มันเหนื่อยมากจริงๆ เรามาดูภาพทางขึ้นสวยๆกันนะ

เคล็ดลับเล็กๆ คือ เดินขึ้นไม่ต้องรีบค่ะ เดินไปชมความสวยงามของธรรมชาติไป จะดีกว่า

เริ่มกันจากทางขึ้น เห็นโล่งๆ เนื่องจาก เค้าขึ้นไปกันหมดแล้ว ประมาณ แปดโมงกว่าแล้ว




รูปนี้ค่อนข้างสำคัญ เผื่อเหตุด่วยเหตุร้ายอะไร ก่อนขึ้น จดไว้ก่อนก็ดีค่ะ


รูปนี้เห็นบันไดห่างๆ ยังพอเดินสบาย

พอมาถึงบันไดแบบนี้ อย่านึกว่าเดินสบาย ไม่เลย


ทางวกวนนี้เป็นการหลีกเลี่ยงทางที่ชันมาก เราจะเดินเป็นตัววี ไปมา


มีที่นึงมีแคร่ให้นั่งพักเหนือย มีร้านค้าให้ซื้อของกิน นั่งกินด้วย 


 ทางที่ต้องเดินบนหินมีเยอะมาก จงเลือกรองเท้าที่พาคุณทรงตัวได้แม้บนหิน ที่เยอะมากๆ

และเมื่อถึงบันไดคู่ หน้าตาแบบนี้จงจำไว้ว่า คุณถึงยอดเขาแล้ว

 _____________________________________________________________

ทางเดินบนภู

ทางเดินบนภูแบ่งเป็น 2 ส่วน
1. ทุ่งซาวันนาแบบไทยๆ ราบเรียบ มองเห็นทุ่งสุดลูกหูลูกตา และต้นไม้ที่ดูแห้งๆ


ลองดูขนาดต้นไม้กับขนาดคนตัวเล็กๆ จะเห็นว่าต้นไม้สูงมาก


บางที่จะมีพื้นเป็นหิน หินจริงๆ หินกว้างๆ เป็นลานหิน

 ต้นไม้แห้งๆ



ทุ่งหญ้ากว้างไกล แลดูเหมือนทุ่งซาวันน่า ในสารคดี

ตอนเดินผ่าน นี่หวั่นๆ จะมีสัตว์วิ่งมา เพราะมันโล่งจริงๆ


และมีบ่อน้ำเล็กๆ บางบ่ออยู่ท่ามกลางทุ่มหญ้า



2. ตรงน้ำตก มันทางชันๆ เปียกๆ เต็มไปหมด อันนี้ไม่ค่อยได้ถ่ายรูปมา เพราะเดินลำบาก จะได้ถ่ายกลางน้ำตก กับพืชสวยๆ เลยมากกว่า







 _____________________________________________________________

เมเปิ้ลสีแดง

ตอนไปก็หนาวพอดีเลยได้เห็นใบไม้แดงๆ  รูปร่างแปลกๆ นี้กัน

เมเปิ้ลแดงส่วนใหญ่จะอยู่โซนน้ำตกที่ชื้นๆ บางต้นก็อยู่ใต้น้ำตกแบบนี้เลย






 ต้นนี้แดงสุดอยู่ติดแค้มเลย เจ้าหน้าที่น่าจะเอามาปลูก

 _____________________________________________________________
พระอาทิตย์


พระอาทิตย์ตก


 พระอาทิตย์ขึ้น
 แสงสวยๆ ยามเช้ากับต้นไม้ใหญ่ๆ

ท้องฟ้า
รูปนี้ถ่ายตอนยังอยู่ที่เตี้ย




 ตอนที่ไปโชคดี หรือร้ายไม่รู้แต่หมอกเยอะมาก ไม่ค่อยเห็นวิวด้านล่าง


รูปนี้ท้องฟ้าบนภู ขึ้นไปถึงปุ้บ ถ่ายเลย 

 นี่ก็บนภู

 



















บริเวณที่กางเต้น

ลานกว้างเห็นเต้นลิบๆ

เต้นของอุทยาน

 อาคารเจ้าหน้าที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว


 เจ้านี่เดินรอบลานกางเต้นท์เลย น่ารักดี แต่ไม่กล้าเข้าใกล้

สิ่งละอันพันละน้อย

หินที่ตั้งๆ อยู่



 ต้นไม้แห้งๆ ที่มีอะไรไม่รู้อยู่ตรงกลาง

ป้ายเตือนช้าง เห็นแล้วก็กลัวๆ

 เจ้าตัวนี้เห็นตอนแรกนึกว่ากิ่งไม้ ดีที่ไม่นั่งทับ

ห้องน้ำที่นี่ช่วยชีวิตเราไว้เพราะปวดหนัก เข้าได้แค่ห้องเดียวด้วย


















หมดแล้วรูป นี่คัดมาแล้วนะ ถ่ายมาเยอะมากๆ กล้องตัวเล็กๆ ปรับอะไรไม่ได้ 
ถ่ายเร็วๆ ได้ขนาดนี้ก็เก่งแล้วเน้อ